วันศุกร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗
เวลา ๑๕.๐๐ น.
สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมุกดาหาร ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลปฏิบัติธรรม เฉลิมพระเกียรติถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช เนื่องในอภิลักขิตสมัย ๒๐๐ ปี นับแต่ทรงพระผนวช ณ วัดพุทโธธัมมธโร บ้านชัยมงคล ตำบลโชคชัย อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร
พระเดชพระคุณ พระสุทธิสารโสภณ เจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร (ธรรมยุต) ปฏิบัติศาสนกิจ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ เนื่องในพิธีบำเพ็ญกุศลปฏิบัติธรรม เฉลิมพระเกียรติถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช เนื่องในอภิลักขิตสมัย ๒๐๐ ปี นับแต่ทรงพระผนวช โดยมีพระวิฑูรวชิรโมลี รองเจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร พระครูวิเวกธรรมธารี เจ้าอาวาสวัดป่าวิเวกวัฒนาราม เมตตาเป็นองค์แสดงพระธรรมเทศนา พระสงฆ์สมณศักดิ์ คณะสงฆ์จังหวัดมุกดาหาร เจ้าคณะพระสังฆาธิการทั้งฝ่ายธรรมยุต และมหานิกาย เข้าร่วมปฏิบัติศาสนกิจประกอบพิธีอย่างพร้อมเพรียง
นายวรญาณ บุญณราช ผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร มอบหมายให้นายบุญเรือง เมฆฉิม รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลปฏิบัติธรรม เฉลิมพระเกียรติถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช เนื่องในอภิลักขิตสมัย ๒๐๐ ปี นับแต่ทรงพระผนวช โดยมี คณะสงฆ์ หัวหน้าส่วนราชการระดับจังหวัด อัยการ ตำรวจ นายอำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้บริหารและหน่วยงานสถานศึกษา เหล่ากาชาดจังหวัดมุกดาหาร พสกนิกรทุกหมู่เหล่า เข้าร่วมบำเพ็ญกุศลปฏิบัติธรรมอย่างพร้อมเพรียง
นางบัวผัน จันทรังษี ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมุกดาหาร นางแสงมณี ชนะวัฒน์ปัญญา นักวิชาการศาสนาชำนาญการพิเศษ นางสาวณิชนันท์ ชื่นชม นักวิชาการศาสนาชำนาญการ นายวิทวัตย์ ดาสุข นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ และนายศุภกานต์ พิกุลศรี นักวิชาการศาสนาปฏิบัติการ เข้าร่วมประกอบพิธีฯ ในครั้งนี้
ทั้งนี้ เนื่องด้วยในเดือนกรกฎาคม ๒๕๖๗ ได้ปรากฏเหตุการณ์มหามงคล ที่สำคัญ ๒ เหตุการณ์ คือ ครบ ๒๐๐ ปี ที่พระวชิรญาณ รัชกาลที่ ๔ ได้ทรงพระผนวช และเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ จึงมีการจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลของทั้ง ๒ พระองค์ขึ้น ภายใต้แนวคิด พิธีบำเพ็ญกุศลถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระสยามเทวมหามกุฎวิทยมหาราช เนื่องในอภิลักขิตสมัย ๒๐๐ ปี นับแต่ทรงพระผนวช ในพระบรมราชูปถัมภ์ เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงผนวชได้ทรงก่อตั้งคณะธรรมยุตขึ้น ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญทางพระพุทธศาสนาของไทย การเรียนรู้วิทยาการที่ก้าวหน้าจากต่างประเทศจากพระสหายต่างศาสนา ที่ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในประเทศไทยอย่างมาก และทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา การสร้างพระอารามหลวง ปฏิสังขรณ์วัดจำนวนมาก ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยที่ทรงผนวชยาวนานที่สุดถึง ๒๗ พรรษาก่อนขึ้นครองราชย์
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นพระราชโอรส ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย กับสมเด็จพระศรีสุริเยนทรา บรมราชินี ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๔๗ ตรงกับปีชวด มีพระนามเดิมว่า เจ้าฟ้ามหามาลา ขณะนั้น พระราชบิดายังดำรงพระยศเป็นเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร เมื่อทรงพระเยาว์ได้ทรงศึกษาอักขะสมัยกับสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ เมื่อพระชนมายุได้ ๙ พรรษา ได้รับสถาปนาเป็นเจ้าฟ้ามงกุฎ มีพระราชอนุชาร่วมพระราชมารดา คือ เจ้าฟ้าจุฑามณี ซึ่งต่อมาได้รับสถาปนาเป็น พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
เมื่อพระองค์มีพระชนมายุครบ ๑๔ พรรษา จึงทรงออกผนวชเป็นสามเณร โดยมีการสมโภชที่พระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย แล้วแห่ไปผนวช ณ พระอุโบสถ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระอริยวงษญาณ (มี) เป็นพระอุปัชฌาย์และสมเด็จพระญาณสังวร (สุก) เป็นพระอาจารย์ หลังจากนั้น ได้เสด็จไปประทับอยู่ ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เมื่อพระองค์มีพระชนมายุ ๒๑ พรรษา จึงจะผนวชเป็นพระภิกษุ แต่ในระหว่างนั้น ช้างสำคัญของบ้านเมืองถึง ๒ ช้าง ได้แก่ พระยาเศวตไอยราและพระยาเศวตคชลักษณ์ เกิดล้มลง รวมทั้งสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงเทพวดี พระขนิษฐาในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยสิ้นพระชนม์ ทำให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยไม่สำราญพระราชหฤทัย จึงไม่ได้จัดพิธีผนวชอย่างใหญ่โต โปรดให้มีเพียงพิธีอย่างย่อเท่านั้น โดยให้ผนวช ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยมีสมเด็จพระอริยวงษญาณ (ด่อน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระองค์ได้รับพระนามฉายาว่า "วชิรญาโณ" หรือ "วชิรญาณภิกขุ" แล้วเสด็จไปจำพรรษาที่วัดราชาธิวาสวิหาร ในระหว่างที่ผนวชอยู่นั้นได้เสด็จออกธุดงค์ไปยังหัวเมืองต่าง ๆ ทำให้ทรงคุ้นเคยกับสภาพความเป็นอยู่ของอาณาประชาราษฎร์อย่างแท้จริง พระองค์ทรงมีพระราชอุตสาหะวิริยะ เรียนภาษาอังกฤษจนทรงเขียนได้ ตรัสได้ ทรงเป็นนักปราชญ์รอบรู้ ทำให้พระองค์ทรงมีความรอบรู้เท่าทันต่อเหตุการณ์ของโลกตะวันตกเป็นอย่างดี พระองค์ทรงผนวชตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๖๗ จนถึงลาผนวชเพื่อรับการขึ้นครองราชย์ เป็นเวลารวมที่บวชเป็นภิกษุทั้งสิ้น ๒๗ พรรษา (ขณะนั้นพระชนมายุ 48 พรรษา) หมายเหตุ; เวลาที่ผนวชเป็นสามเณร 7 เดือน
คณะธรรมยุติกนิกาย หลังจากการลาผนวชของพระวชิรญาณเถระยังคงเจริญรุ่งเรืองต่อไป เพราะได้พระมหากษัตริย์เป็นผู้อุปถัมภ์ และมีผู้นำที่เข้มแข็งคือ กรมหมื่นบวรรังษีสุริยพันธ์ ต่อมาได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์เป็นผู้ครองบังคับบัญชาคณะธรรมยุติกนิกาย
ด้านการศาสนา ขณะทรงผนวชอยู่ทรงตั้งลัทธิสมณวงศ์ใหม่เรียกว่า
"ธรรมยุติกนิกาย" เป็นนิกายใหม่ในพระพุทธศาสนา ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัยและระเบียบแบบแผน ด้านพระพุทธศาสนา ให้ถือปฏิบัติเอาแต่สิ่งที่ถูกตามพระวินัย "นิกายธรรมยุติ" ตั้งขึ้นมาเพื่อปฏิรูปพระพุทธศาสนาฟื้นฟูด้านวัตรปฏิบัติของสงฆ์ทรง
ริเริ่มวางระเบียบแบบแผนดังนี้ ทรงตั้งธรรมเนียมนมัสการพระเช้าค่ำ
ที่เรียกว่าทำวัตรเช้า ทำวัตรค่ำ ทรงปฏิรูปการเทศน์และการอธิบายธรรม
ทรงเริ่มการเทศนาด้วยฝีพระโอษฐ์ ชวนให้ผู้ฟังเข้าใจง่ายและเกิดศรัทธา
ทรงเพิ่มบทสวดมนต์ภาษาไทยทรงกำหนดวันมาฆบูชาเป็นวันสำคัญทาง
พระพุทธศาสนาและวางระเบียบในการเดินเวียนเทียน และสดับธรรมเทศนา ทรงแก้ไขการรับผ้ากฐินให้ถูกต้องตามพุทธบัญญัติ คือเริ่มตั้งแต่ การซัก ตัด
เย็บ ย้อม ให้เสร็จภายในวันเดียวกัน ทรงแก้ไขการขอบรรพชาและการสวด
กรรมวาจาในการอุปสมบท ทรงวางระเบียบการครองผ้าของภิกษุสามเณร
ให้ปฏิบัติไปตามหลักเสริยวัตรในพระวินัย พระองค์ทรงออกประกาศว่าด้วย
การทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ประกาศห้ามมิให้พระสงฆ์บอกให้แทง
หวยและประพฤติอนาจาร ประกาศห้ามมิไห้พระภิกษุสามเณรคบผู้หญิงมา
พูดที่กุฏิ ประกาศพระราชบัญญัติเรื่องพระสงฆ์ สามเณรลักเพศ ทรงเห็น
ความสำคัญในการศึกษาหาความรู้สาขาอื่น ๆของพระสงฆ์ทรงอนุญาต
ให้พระสงฆ์เข้าศึกษาภาษาอังกฤษกับหมอแคสเวลล์ ทำให้มีการสืบสานการ
เข้าศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมของพระสงฆ์มาจนถึงปัจจุบัน
สำหรับถาวรวัตถุทางพระพุทธศาสนา เช่น วัดวาอาราม ทรงบูรณะให้สมบูรณ์มากกว่าที่จะทรงสร้างใหม่
นอกจากจะทรงสร้างบูรณะปฏิสังขรณ์วัดและปูชนียสถานแล้ว ทรงสร้างและจำลองพระพุทธรูปและส่งสมณฑูตไป
ลังกาเพื่อรวบรวมหลักฐานทางพระพุทธศาสนามาซ่อมพระไตรปิฎกที่ขาดไปให้ครบบริบูรณ์ ทรงบริจาคพระราช
ทรัพย์สร้างพระไตรปิฎกฉบับล่องขาดและปิดทองขึ้น อีกทั้งทรงเป็นพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ทรงนำ
พระพุทธศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้องในการพระราชพิธีต่าง ๆ ซึ่งแต่เดิมใช้แต่พิธีทางพราหมณ์ เช่น พระราชพิธี
บรมราชภิเษก พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ พระองค์ทรงพระราชทานความสนับสนุนแก่ศาสนาอื่น ๆ ใน
พระราชอาณาจักร เช่น ทรงพระราชทานเสรีภาพในการนับถือศาสนาหรือลัทธินิกายตามความสมัครใจซึ่งไม่ผิดต่อ
กฎหมายบ้านเมือง นอกจากนั้นยังทรงพระราชทานเงิน ที่ดินและวัตถุในการก่อสร้างสุเหร่าในศาสนาอิสลามและโบสถ์
ในศาสนาคริสต์
ณ วัดพุทโธธัมมธโร บ้านชัยมงคล หมู่ที่ ๑ ตำบลโชคชัย อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร
#สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมุกดาหาร
ติดตามข่าวสารสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดมุกดาหารเพิ่มเติม ได้ที่
Facebook : https://www.facebook.com/mdh.onab.go.th/
Website : https://mdh.onab.go.th
Youtube : https://www.youtube.com/@Mukdahan-office-of-buddhism
Line : https://lin.ee/KSiJ741
Tiktok : https://www.tiktok.com/@buddhism_mukdahan
Instagram : https://www.instagram.com/mukdahan_office_of_buddhism...